ในการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
(Personal
Income Tax)ตามประมวลรัษฎากร
กรมสรรพากรได้แบ่งประเภทของเงินได้พึงประเมินออกเป็น8ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทนั้นเสียภาษีไม่เท่ากัน
เพราะมีที่มาของต้นทุนเพื่อการทำงานที่แตกต่างกัน อาทิ เงินได้จากการจ้างแรงงาน (มนุษย์เงินเดือน)
การจ้างบริการทั่วไป การจ้างบริการวิชาชีพอิสระหรือวิชาชีพอื่นๆ
การจ้างที่เป็นรับเหมาหรือธุรกิจการให้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในการปรับปรุงประมวลรัษฎากรล่าสุดเพื่อให้มีการขยายฐานภาษีและจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ได้เพิ่มมากขึ้น
กรมสรรพากรได้มีการปรับลดอัตรา "เหมาจ่าย" (Lumpsum)ซึ่งเป็นต้นทุนของเงินได้พึงประเมินบางประเภทลง
อาทิ สถานพยาบาลที่เป็นโพลีคลินิกจากเดิมอัตราเหมาจ่ายร้อยละ75มาเหลือเป็นร้อยละ60แต่อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระที่เป็น
"แพทย์" ที่เรียกว่า ผู้ประกอบโรคศิลปะ (Art of healing)นั้น กลับไม่ได้รับผลกระทบ
ก็ยังคงหักค่าใช้จ่ายในอัตราเหมาได้อัตราร้อยละ60เช่นเดิม
ด้วยเหตุนี้ "แพทย์" จึงเป็นผู้ถูกเพ่งเล็งในการตรวจสอบจากกรมสรรพากรมากที่สุด ในการทำสัญญาว่าจ้างระหว่างโรงพยาบาลกับแพทย์นั้นถูกต้องในคำว่า "ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ" หรือไม่ อย่างไร ทั้งนี้ทั้งนั้น ได้มีการฟ้องร้อยกันหลายคดีและศาลฎีกาได้มีคำตัดสินให้คนไข้เป็นฝ่ายชนะ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างโรงพยาบาลกับแพทย์ดังกล่าว ถือเป็นนายจ้างกับลูกจ้างไม่ใช่แพทย์เป็นผู้มาเช่าหรือใช้โรงพยาบาลเป็นคลินิกแต่อย่างใด ดังนั้น ผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์จะต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงความชัดเจนในการทำสัญญาให้ "แพทย์ เป็น แพทย์" ที่ถือว่าอิสระระหว่างโรงพยาบาล/คลินิก/สถานพยาบาล/หรือสถานเสริมความงาม กับแพทย์ตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร ก่อนที่กรมสรรพากรจะเข้ามาทำการตรวจสอบ
หัวข้อการบรรยาย
1.ความแตกต่างของเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากรที่เกี่ยวข้องกับแพทย์
-งินได้พึงประเมินจากการจ้างแรงงานตามมาตรา 40 (1)
-เงินได้พึงประเมินจากการรับทำงานให้ตามมาตรา 40 (2)
-เงินได้พึงประเมินจากวิชาชีพอิสระ ตามมาตรา40 (6)
-เงินได้พึงประเมินจากการประกอบธุรกิจสถานพยาบาล ตามมาตรา40 (8)
2.ความสัมพันธ์ของแพทย์กับโรงพยาบาลรัฐ/โรงพยาบาลเอกชน/สถานพยาบาลเสริมความงามหรือคลินิก
(1)เป็นข้าราชการประจำ และขอเปิดเป็นคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ ณ โรงพยาบาลของรัฐนั้น
(2)เป็นข้าราชการและไปเป็นหมอพิเศษนอกเวลาราชการ ณ โรงพยาบาลเอกชนหรือสถานพยาบาลอื่น
(3)เป็นข้าราชการ และได้เปิดคลินิกของตนต่างหากนอกเวลาราชการ
(4)เป็นข้าราชการ แต่นอกเวลาราชการได้เข้าไปตรวจรักษาให้กับบริษัทเอกชนตามวัน/เวลา ที่บริษัทกำหนด/หรือไปตรวจตามบ้านของผู้ป่วยเป็นกรณีฉุกเฉิน
(5)ไม่เป็นข้าราชการแต่เป็นลูกจ้าง/รับจ้างให้บริการ/หรือรับจ้างวิชาชีพอิสระในโรงพยาบาลเอกชน/สถานพยาบาล/หรือคลินิก
(6)ไม่เป็นข้าราชการแต่เป็น "แพทย์ฉุกเฉิน" (On Call)ในโรงพยาบาลของรัฐ/โรงพยาบาลเอกชน/สถานพยาบาล/หรือคลินิก
3.การวางแผนจัดรูปองค์กรทางธุรกิจเพื่อการเสียภาษีของแพทย์
4.การวางแผนภาษีในธุรกิจของโรงพยาบาลกับการบริหารพื้นที่ส่วนกลาง
5.การหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายและการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกี่ยวกับกิจการของโรงพยาบาล
6.คุณธรรมจริยธรรม และจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์
รองศาสตราจารย์เพิ่มบุญ แก้วเขียว
โรงแรม บูเลอวาร์ด กรุงเทพ
บุคคลทั่วไป ท่านละ4,500บาท
สมาชิก ท่านละ4,000 บาท
ลงทะเบียน3ท่านขึ้นไป ท่านละ3,500บาท
**ราคายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม7%**บริษัท เคเอ็นซี เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด
34/289หมู่บ้านไทยสมบูรณ์
2หมู่ที่2ต.คลองสาม อ.คลองหลวง
จ.ปทุมธานี12120
รองศาสตราจารย์เพิ่มบุญ แก้วเขียว