Wellness Real Estate หรือ อสังหาฯ ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม
เป็นเทรนด์ที่มาแรงมากในวงการอสังหาฯ นับว่าเป็นเค้กชิ้นใหญ่ที่นักพัฒนาอสังหาฯ
ในไทยจับตามอง
ทุกวันนี้เราจะได้ยินว่าอสังหาฯ ซบเซา มีการเปิดตัวโครงการน้อยลงมากตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19การซื้อขายก็หดตัวลง แต่ยังมีอสังหาฯ กลุ่มหนึ่งที่เติบโตดีสวนกระแส มีการพัฒนาโครงการรูปแบบนี้มากขึ้น และผู้บริโภคยังยินดีที่จะจ่ายเพิ่มเพื่อซื้ออสังหาฯ กลุ่มนี้อีกด้วย นั่นก็คือWellness Real Estateหรือ อสังหาฯ ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม จากข้อมูลของGlobal Wellness Institute (GWI)อสังหาฯ กลุ่มนี้เติบโตเกือบ2เท่าภายในเวลาเพียง4ปีเท่านั้น
จาก 148 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว4.9ล้านล้านบาท) ในปีค.ศ.2017
เป็น 275 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว9 ล้านล้านบาท) ในปี ค.ศ.2020
สูงกว่าของเดิมที่GWIคาดการณ์ไว้เมื่อปี2017ว่าในปี 2022มูลค่าของอสังหาฯ ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมจะเติบโตถึง 180 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว5.9ล้านล้านบาท)
เรียกได้ว่าเทรนด์ Wellness Real Estateมาแรงกว่าที่คาดการ์ณอย่างมาก แม้แต่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังไม่ก่อให้เกิดผลกระทบใด ๆ สวนทางกับตลาดอสังหาฯ โดยรวมที่หดตัวลงอย่างมากตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดในปี2019จากข้อมูลของ GWIในรายงาน The Global Wellness Economy: Looking Beyond COVID เมื่อเดืิอนธันวาคม ค.ศ.2021 พบว่าในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19คือในช่วงปี 2017 - 2019 Wellness real estateเติบโตมากถึง23%ต่อปีในขณะที่อุตสาหกรรมการก่อสร้างโดยรวมเติบโตเพียง5.4%ต่อปี ส่วนในช่วงปี2019 - 2020 Wellness real estateยังคงเติบโตได้ดีราว22%ต่อปี ในขณะที่อุตสาหกรรมการก่อสร้างโดยรวมหดตัวลง -2.5%ต่อปีโครงการอสังหาฯ ที
จำนวนโครงการWellness Real Estateทั่วโลกเพิ่มขึ้นมากกว่า3 เท่าภายในเวลาเพียง5ปี จากการสำรวจของGWI ใน34ประเทศทั่วโลกคาดว่ามีโครงการอสังหาฯ ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมWellness Real Estateเพิ่มขึ้นจาก 740โครงการในปี2017เป็นจำนวนมากกว่า 2,300โครงการในปี2021 (ในจำนวนนี้รวมทั้งโครงการที่กำลังสร้างอยู่ และสร้างเสร็จแล้วเอาไว้ด้วยกัน) ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวก็ไม่ต่างจากในประเทศไทยเลย เราจะเห็นว่าถึงแม้ตลาดอสังหาฯ ในไทยจะชะลอการเปิดโครงการใหม่ ยอดซื้อขายอสังหาฯ หดตัว แต่ก็มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ ที่ส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวม ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยที่ส่งเสริมสุขภาพสำหรับทุกช่วงวัย ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ บ้านพักคนชรา สถานดูแลผู้สูงอายุ สถานที่ทำงานที่ส่งเสริิมสุขภาพและไลฟ์สไตล์ที่ลงตัว โรมแรมที่ให้บริการด้านสุขภาพและการแพทย์ชะลอวัย รวมไปถึงธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกิดจากความร่วมมือของต่างธุรกิจ เป็นต้น
ทำไมเราต้องสนใจWellness Real Estate
หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19อสังหาฯ โดยรวมหดตัว กำลังซื้อจากต่างชาติหายไป ทำให้Developerนักพัฒนาอสังหาฯ ต้องเจาะกลุ่ม Real Demand ที่มีกำลังซื้อให้ได้ นั่นคือต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ โครงการอสังหาฯ ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มลูกค้าภายในประเทศที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ๆ เราจะเห็นว่าตลาดอสังหาฯ ในช่วงหลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19หันไปพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น เพราะไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ผู้คนต้องใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น เช่น ต้องWork-From-HomesหรือLearn-From-Homeทำให้ต้องใส่ใจเรื่องสุขภาพ สุขอนามัย และต้องการพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมภายในครอบครัวมากขึ้น พื้นที่อยู่อาศัยจึงมีความสำคัญขึ้นมาก ส่งผลให้ที่อยู่อาศัยที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมWellness Real Estateเป็นที่ต้องการมากยิ่งขึ้น
คนยอมจ่ายแพงขึ้น เพื่อสุขภาพที่ดี
เพราะสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ เราจะได้ยินกันบ่อย ๆ ว่าคนสมัยนี้ทำงานหนัก"เพื่อเก็บเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล" หากเราไม่เริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อาจจะไปบานปลายเมื่อเราล้มป่วย หรือ เข้าสู่วัยเกษียณได้ ผู้คนจึงเริ่มหันมาสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพมากขึ้น เทรนด์Wellnessทั่วโลกจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงWellness Real Estateอสังหาฯ ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม ตามที่องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO)ระบุว่าร้อยละ80-90ของผลลัพธ์ทางสุขภาพ เกี่ยวโยงกับสิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างต่างๆ (built environment)ที่เราใช้ชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน ย่าน หรือเมืองที่เราอยูู่ล้วนส่งผลต่อสุขภาพเราอย่างมาก ดังนั้นWellness Real Estateจึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม ไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพ ทางอารมณ์ ทางสังคม ทางจิตวิญญาณ ทางสิ่งแวดล้อม รวมถึงทางการเงิน
ข่าวดีสำหรับนักพัฒนาอสังหาฯ เพราะ ลูกค้ายอมจ่ายราคาแพงขึ้นราว10 - 25%สำหรับอสังหาฯ ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม จากรายงานของ GWIในปี2018ประมาณการว่าWellness Lifestyle Real Estateซึ่งส่วนใหญ่จะเจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อระดับปานกลาง -สูง จะสามารถขายโครงการในราคาที่สูงกว่าอสังหาฯ ทั่วไปเฉลี่ยราว10 - 25%ทั้งนี้จากข้อมูลที่สำรวจพบว่าWellness Lifestyle Real Estateมีราคาขายที่สูงกว่าอสังหาฯ ทั่วไปตั้งแต่5% ไปจนถึง55%เลยทีเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบโครงการ การออกแบบ สถาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการส่งเสริมสุขภาพที่เพิ่มขึ้นมาของแต่ละโครงการ โดยสาเหตุที่ลูกค้ายอมจ่ายแพงขึ้น เป็นเพราะว่าผู้บริโภคเห็นความสำคัญของสุขภาพ และคุณค่าของWellness Real Estateมากขึ้น อีกทั้งอุปทานยังมีน้อยกว่าอุปสงค์ เพราะยังมีการพัฒนาโครงการรูปแบบนี้ไม่มากนักเทียบกับความต้องการของผู้บริโภค โดยGWI คาดว่าเฉพาะในสหรัฐอเมริกามีผู้ซื้อที่มีศักยภาพมากถึง1.3ล้านคนต่อปีแล้ว
เทรนด์สุขภาพในวงการอสังหาฯ ไทย
เทรนด์สุขภาพในวงการอสังหาฯ ไทยก็มาแรงไม่แพ้ใคร ไม่จะเป็นความต้องการของคนทุกช่วงวัยที่หันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ไปจนถึงผู้สูงอายุที่มีสัดส่วนประชากรมากขึ้น โดยประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ (Aged Society)แล้วในปี2564 คือ เป็นสังคมที่มีสัดส่วนผู้สูงอายุในช่วง60ปีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ20และคาดว่าในปี2583 หรืออีก20ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น 1ใน3ของประชากรทั้งหมด เราจะเห็นเทรน์การพัฒนาอสังหาฯ ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย ที่ทำงาน โรงแรม โรงพยาบาล ไปจนถึงสถานดูแลผู้สูงอายุต่าง ๆ
ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุเติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วง1-2ปีที่ผ่านมา โดยจำนวนเนิร์สซิ่งโฮมเพิ่มขึ้นจาก200กว่าแห่ง เป็น450 แห่งหากนับเฉพาะเนิร์สซิ่งโฮมที่ได้มาตรฐาน และขึ้นทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสมาคมฯ ยังไม่รวม เนิร์สซิ่งโฮมที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนอีกนับ1,000 - 2,000แห่งทั่วประเทศ โดยนายแพทย์ฆนัท ครุธกูล นายกสมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุและกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสังคมคาดว่าตลาดกิจการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงในประเทศไทยมีมูลค่ามากถึง 20,000ล้านบาท/ปี เติบโตขึ้น โดยมีสถานบริการดุแลผู้สูงอายุกว่า 4,000แห่งทั่วประเทศ เติบโตมากถึง150%จาก3-5ปีก่อน
ในปัจจุบันยังมีโครงการอสังหาฯ มากมายที่เกิดจากการร่วมมือกันจากต่างธุรกิจเพื่อให้บริการด้านสุขภาพ เช่น ที่อยู่อาศัยร่วมมือกับโรงพยาบาล เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ เช่น บ้าน-คอนโดผู้สูงอายุสำหรับผู้สูงวัยที่ดูแลตัวเองได้ และต้องการได้รับการบริการตรวจสุขภาพบ้าง หรือ ธุรกิจโรงแรมที่จับมือโรงพยาบาล ให้บริการตรวจ ดูแลสุขภาพโดยไม่ต้องไม่ที่โรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นHospitelไปจนถึงบริการตรวจสุขภาพทั่วไป บริการตรวจการนอนSleep Testเป็นต้น เป็นที่น่าจับตามองว่าธุรกิจอสังหาฯ ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมWellness Real Estateในประเทศไทยจะเติบโตมากแค่ไหน และจะมีผลิตภัณฑ์บริการอะไรใหม่ ๆ ที่น่าสนใจบ้าง
"ในวิกฤต ย่อมมีโอกาสเสมอ" ถึงแม้ว่าอสังหาฯ ทั่วไปจะหดตัว แต่Wellness Real Estateกลับเป็นเทรนด์ที่มาแรงจนต้องจับตามอง หากคุณอยู่ในธุรกิจอสังหาฯ ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนาอสังหาฯ ประเภทที่อยู่อาศัย โรงแรม อะพาร์ตเมนต์ สำนักงาน หรือธุรกิจไลฟ์สไตล์ สุขภาพความงาม คุณย่อมพลาดเทรนด์สุขภาพในวงการอสังหาฯ ไปไม่ได้ เพราะนี่คือโอกาสทางธุรกิจที่มาแรง และมีมูลค่าสูงอีกด้วย อย่าพลาดโอกาสนี้ แล้วมาเรียนรู้ไปพร้อมกันในงาน
สัมมนาออนไลน์: รวมเทรนด์สุขภาพมาแรง สำหรับที่อยู่อาศัย-โรงแรม ยุคNew Normal
The Future of Wellness
Real Estate
6พฤษภาคมนี้8.30 - 18.00น.
Onlineผ่านFacebook Private Group
ดูรายละเอียด https://www.feasyonline.com/wellness2022
พบกับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญชั้นนำ
ด้านสุขภาพ ที่อยู่อาศัย โรงแรม โรงพยาบาลหลากหลายท่าน
มาเจาะแนวคิดการผสาน Wellness ในวงการอสังหาฯ
งานนี้เหมาะกับใคร?
ด่วน! ราคาพิเศษ
ซื้อบัตรEarly Bird Ticketเพียง 900 บาท/ท่าน
หรือEarly Bird Group Ticketเพียง 4500 บาท/6 ท่าน
ภายในวันที่ 1เมษายนนี้!
ดูรายละเอียด >> https://www.feasyonline.com/wellness2022
References
Global Wellness Institute, Build Well to Live Well: Wellness Lifestyle Real Estate and Communities, January 2018.
Global Wellness Institute, The Global Wellness Economy: Looking Beyond COVID, December 2021
https://www.bangkokbiznews.com/social/932365
เว็บไซต์อ้างอิง : https://www.bangkokbiznews.com/social/932365
Writer
คุณน้ำทิพย์ พรโชคชัย
นักประเมินค่าทรัพย์สินระดับชั้นสามัญ MD, Area Researchผู้พัฒนาFeasy โปรแกรมวิเคราะห์การลงทุนอสังหาฯ