หลักการและเหตุผล
การทำธุรกิจในยุคแห่งการแข่งขันที่ไร้พรมแดน มีเงื่อนไขในกระบวนการทำธุรกิจที่ซับซ้อนมากขึ้น แต่ละองค์กรต้องปรับตัวเพื่อการแข่งขัน องค์กรที่ประสบความสำเร็จได้ให้ความสำคัญกับการสร้าง และพัฒนาศักยภาพบุคลากรมากพอๆกับการสร้างผลประกอบการและการเติบโต
ทั้งนี้เพราะความเข้าใจในเป้าหมายและความมีจิตสำนึก แห่งการร่วมมือร่วมใจในการทำงานด้านบริการ ที่เป็นหนึ่งเดียวกันจะก่อให้เกิดพลังแห่งการเรียนรู้ ผนึก กำลังในการก้าวข้ามผ่านความท้าทาย และปรับปรุงการทำงานด้านบริการให้มีประสิทธิภาพและประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืนในโลกธุรกิจยุคใหม่
ผู้บริหารของสถานประกอบการทุกคน มีความประสงค์ที่จะเห็นลูกจ้างของตนเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถในการปฏิบัติงานด้านบริการ รวมทั้งมีความคิดสร้างสรรค์ สามารถแก้ปัญหาได้ มีความรับผิดชอบ มีวินัยในการทำงานได้เป็นอย่างดี
การบริการมี3ระดับ คือ ระดับพึงพอใจ ระดับประทับใจ และระดับภาคภูมิใจ ซึ่งหากองค์กรใดต้องการให้ผู้รับบริการกลับมาใช้บริการซ้ำ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องส่งมอบบริการในระดับประทับใจ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้โดยการที่การส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติงานเข้าไปมีส่วนร่วมในการส่งมอบสิ่งอำนวยความสะดวกและหน้าที่ความรับผิดชอบต่อผู้รับบริการ
การส่งมอบบริการขั้นเทพในยุค 4.0 (Service Mindขั้นเทพ ในยุค 4.0) ต้องเริ่มต้นจากการปลูกฝังทัศนคติที่ดีในการบริการ โดยเข้าใจวัตถุประสงค์ของการบริการในยุคปัจจุบัน ว่าจะมีผลต่อความก้าวหน้าของตนเองและองค์กรอย่างไร สามารถแยกแยะระดับการบริการได้ถูกต้อง เพื่อที่จะได้ตัดสินใจว่าจะส่งมอบบริการให้ ผู้รับบริการในระดับใดเพราะแต่ละระดับก็จะมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน เข้าใจความต้องการของผู้รับบริการ สามารถนำทักษะการต้อนรับและบริการตลอดจนทักษะการสื่อสารไปประกอบขั้นตอนการบริการที่สมบูรณ์แบบ โดยตระหนักถึงหน้าที่และบทบาทของการเป็นนักบริการมืออาชีพ จึงจะส่งผลต่อภาพลักษณ์องค์กร สะท้อนภาพลักษณ์ของคำว่า "จิตบริการ" หรือ "Service Mind"
การบริการ คือ การให้ความช่วยเหลือ หรือการดําเนินการ เพื่อประโยชน์ของผู้อื่น การบริการ ที่ดีผู้รับบริการก็จะได้รับความประทับใจ และชื่นชมองค์กร ซึ่งเป็นสิ่งดีสิ่งหนึ่งอันเป็นผลดีกับองค์กรของเรา เบื้องหลังความสําเร็จเกือบทุกงาน มักพบว่างานบริการเป็นเครื่องมือสนับสนุนงานด้านต่าง ๆ เช่น งานประชาสัมพันธ์งานบริการวิชาการ เป็นต้น ดังนั้น ถ้าบริการดี ผู้รับบริการเกิดความประทับใจซึ่งการบริการถือเป็นหน้าเป็นตาขององค์กร ภาพลักษณ์ขององค์กรก็จะดีไปด้วย
การสนับสนุนและให้การบริการทุกส่วนงานที่ประสานงานเข้ามา ขอความร่วมมือในด้านต่างๆทั้งส่วนงานภายในและภายนอกเป็นสิ่งที่ต้องเจออยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการบริการในยุค4.0จึงเป็นหัวใจสําคัญของการบริหารงานทั่วไปเป็นอย่างมาก
วัตถุประสงค์
· เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติ (Attitude)เชิงบวกต่อการส่งมอบบริการที่ประทับใจ
· เพื่อพัฒนาทักษะและพฤติกรรม (Behavior)การบริการให้เป็นไปในแนวทางปฏิบัติมาตรฐานเดียวกันอย่างมืออาชีพ อาทิเช่น
o ทักษะการต้อนรับและบริการ
o ทัศนคติปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
o การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
· เพื่อสร้างความเชื่อมั่น (Confidence)นำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไป ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ปฏิบัติ และสามารถตรวจติดตามประเมินผลอย่างเป็นรูปธรรม
· เพื่อให้ผู้เข้าสัมมนาทราบถึงแนวทางการสร้างวัฒนธรรมบริการให้เกิดขึ้นในองค์กร อย่างเป็นรูปธรรม
· เพื่อนำเอาประสบการณ์ ความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการสร้างวัฒนธรรมบริการ ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในหน่วยงาน แผนก ฝ่าย และ องค์กรโดยรวม
กลุ่มเป้าหมายและจำนวนผู้เข้าอบรม
พนักงานที่ปฏิบัติงานส่วนหน้า (Front Line Staff)และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการต้อนรับและบริการ
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. เจ้าหน้าที่มีทัศนคติเชิงบวกต่อการบริการและสร้างความประทับใจให้กับผู้รับบริการ เนื่องจากเข้าใจความต้องการของผู้รับบริการ สามารถตอบสนองการบริการได้อย่างเป็นรูปธรรมสมบูรณ์
2. มีความรู้และเข้าใจในหลักปฏิบัติเกี่ยวกับการบริการ การสื่อสาร ทักษะการต้อนรับและบริการ ตลอดจนขั้นตอนการบริการอย่างสมบูรณ์แบบถูกต้อง
3. สามารถและมีความเชื่อมั่นต่อการนำหลักปฏิบัติ (Standard Operations Procedures: SOP)ไปประยุกต์ใช้ เกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง นำไปสู่การปฏิบัติ
4. ส่งเสริมภาพลักษณ์การบริการขององค์กรให้มีความโดดเด่นชัดเจนเป็นไปตามที่แผนและนโยบาย สร้างความแตกต่าง โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ รองรับกับระบบคุณภาพขององค์กร
5. ผู้รับบริการรู้สึกได้ว่าบริการที่ได้รับนั้นมีความประทับใจเป็นการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่เกียรติคุณขององค์กรให้เป็นที่รู้จักในด้านที่ดี
วิทยากร :อาจารย์อนุภาพ พันชำนาญ