หลักการและเหตุผล :
องค์กรต่างๆ หรือ องค์กรชั้นนำของโลกมากมายทั้งที่มีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก อาทิGoogle, Apple, Phillips, P&GและAirbnbเป็นต้น ได้นำแนวคิดนี้ไปใช้และทำให้บริษัทเติบโตและมีผลกำไรที่ดีอย่างมากมาย ผมกำลังพูดถึงหัวข้อแนวคิดวันนี้ครับ ซึ่งก็คือ การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)ตามชื่อเรื่องในวันนี้เลยครับ และก่อนที่เราจะไปเรียนรู้แนวความคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)เรามาดูที่มาและที่ไปของความคิดนี้ก่อนนะครับ
ก่อนที่เราจะเข้าถึงเรื่องDesign Thinking เราต้องมาทำความเข้าใจคำว่า Designหรือการออกแบบ กันใหม่ก่อน หลายคนมักมองว่า การออกแบบ คือ การสร้างสิ่งของใหม่ๆ เช่น การสร้างของใช้ การสร้างเฟอร์นิเจอร์ การสร้างบ้าน และการวาดรูป เป็นต้น ใช่ครับนั่นเป็นความเข้าใจที่ถูก แต่เป็นความเข้าใจที่ถูกเพียงส่วนเดียวSimon (1968) ได้กล่าวไว้ว่า การออกแบบ ไม่ได้เป็นแค่การสร้างสิ่งของหรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ เท่านั้น แต่คือความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ให้เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ในอนาคต ยกตัวอย่างง่ายๆ นะครับ ในสมัยก่อนที่เรายังไม่มีเครื่องบิน เราใช้เรือหรือรถเป็นพาหนะหลักในการเดินทางไกลๆ การสร้างเครื่องบินนี่ไม่ใช่แค่การทำให้การเดินทางเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการออกแบบประสบการณ์การเดินทางแบบใหม่ แก้ปัญหาการขนส่ง และเพิ่มโอกาสต่างๆ อีกมากมายให้กับโลกใบนี้ นี่แหละครับ การออกแบบที่แท้จริงคือ การพัฒนาบางอย่างและสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น
การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)คือ การคิดแก้ปัญหาที่สามารถนำไปสร้างสรรค์นวัตกรรมได้ การคิดเชิงออกแบบนั้นต่างจาก "ความคิดสร้างสรรค์" (creativity) คือDesign Thinkingจะคำนึงถึงองค์ประกอบ 3 อย่างประกอบกัน คือ การแก้ปัญหา ความคิดสร้างสรรค์ และ "คน" การคิดเชิงออกแบบจึงมีอีกชื่อคือHuman centered designที่คนเป็นศูนย์กลางการแก้ปัญหา โดยเน้นทำความเข้าใจว่าคนต้องการอะไร แทนที่วิธีการแบบเดิมที่มักเริ่มต้นจาก "ปัญหา"
หรืออีกนัยยะหนึ่งDesign Thinking คือ "กระบวนการคิดที่ใช้การทำความเข้าใจในปัญหาต่างๆ อย่างลึกซึ้ง โดยเอาผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง และนำเอาความคิดสร้างสรรค์และมุมมองจากคนหลายๆ สายมาสร้างไอเดีย แนวทางการแก้ไข และนำเอาแนวทางต่างๆ นั่นมาทดสอบและพัฒนา เพื่อให้ได้แนวทางหรือนวัตกรรมที่ตอบโจทย์กับผู้ใช้และสถานการณ์นั้นๆ"
Design Thinkingมีหลายโมเดลด้วยกัน เพราะในแต่ละSchoolก็จะมีตัวFrameworkของDesign Thinking ที่ไม่เหมือนกัน อย่างที่เรามักจะเห็นกันบ่อยๆ คือDesign Thinking ProcessของStanford d.schoolและThe Double Diamond Design ProcessของUK Design Council ซึ่งในฉบับนี้เราจะใช้หลักการ Stanford d.schoolในการเรียนรู้กันครับ
Design thinkingของStanford d.schoolได้แบ่งขั้นตอนกระบวนการคิดออกเป็น 5 ขั้นตอน ได้แก่Empathize, Define, Ideate, Prototype,และTestจากทั้ง 5 ขั้นตอนนี้ จะเห็นได้ว่า ขั้นตอนที่หนึ่งและสอง (EmpathizeและDefine)เป็นขั้นตอนทำความเข้าใจและตีความปัญหาอย่างลึกซึ้ง ขั้นตอนที่สาม (Ideate)คือขั้นตอนในการใช้ความคิดสร้างสรรค์และมุมมองจากหลายๆ ด้านมาสร้างไอเดีย และขั้นตอนที่สี่และห้า (PrototypeและTest)คือ ขั้นตอนในการทดสอบแนวคิดและพัฒนาต้นแบบที่เป็นตัวอย่างแนวคิด เพื่อให้ได้แนวทางหรือนวัตกรรมที่ตอบโจทย์กับสถานการณ์/ปัญหาที่เกิดขึ้น
วัตถุประสงค์การเรียนรู้
1. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ความหมายที่แท้จริงของการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)และสามารถนำมาแก้ไขปัญหาได้แบบมืออาชีพ
2. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถประยุกต์ใช้การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)กับการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้มีพื้นฐานการปรับปรุงพัฒนาองค์กรทั้งด้านคุณภาพและการบริการอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิดของการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)
4. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ขั้นตอนของการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)และสามารถนำไปใช้งานได้
5. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้วิธีการบูรณาการหลักแนวคิดต่างๆ ด้วยการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)
6. เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้วิธีการแยกแยะและจัดลำดับความสำคัญของงาน และนำหลักการการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)ไปประยุกต์ใช้กับงานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน
หัวข้อการอบรม
Module1: ความหมายของการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)
· คิด...อย่างนักออกแบบ (Designer/Architect)
· การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)จะเกิดขึ้นเมื่อใด
· เพราะอะไรเราจึงต้องใช้การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)
· ความหมายของคำว่าการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)
· องค์ประกอบของการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)
· การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)กับการทำงาน
· ความสำคัญของ การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)กับการพัฒนาตนเอง
· องค์ประกอบของความคิด ที่มาของความคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)
· กระบวนการของความคิด ให้ได้มาซึ่งการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)
· กระบวนการของDesign Thinkingที่ใช้ในการพัฒนานวัตกรรม
· ทำไมการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking Process)จึงมีความสำคัญกับองค์กรในยุคปัจจุบัน
· ประโยชน์ของระบบการคิดเชิงออกแบบ
Module2: ปัญหาและการวิเคราะห์ด้วยการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)
· ปัญหาคืออะไร และอะไรคือปัญหาขององค์กรในปัจจุบัน
· การจัดหมวดหมู่ของปัญหาตามกฎ 20/80 ของพาเรโต้
· เครื่องมืออย่างง่ายในการวิเคราะห์ปัญหา และสังเคราะห์เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่และแนวคิดใหม่กับแนวคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)
· วิเคราะห์กระบวนการของการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)เพื่อนำไปใช้
Module3: ขั้นตอนของการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)
1. Empathizeคือ การทำความเข้าใจจริงๆ กับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยการฟังจากคนที่มีปัญหา
· หลักในการทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายแบบ Outside-in
· วิธีการในการทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย
· เครื่องมือที่ใช้ในการทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย
· ฝึกปฏิบัติทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย
2. Defineคือ การนำปัญหาที่เจอแล้วดูว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด นำมาเข้าสู่กระบวนการที่จะแก้ปัญหาก่อน
· วิธีการในการสังเคราะห์เพื่อระบุประเด็นสำคัญ
· เครื่องมือที่ใช้ในการในการสังเคราะห์เพื่อระบุประเด็นสำคัญ
· ฝึกปฏิบัติการสังเคราะห์ประเด็นเพื่อระบุประเด็นสำคัญ
3. Ideate (Idea + create)หรือการbrainstormingเป็นการระดมสมอง ระดมความคิด แนวทางในการแก้ปัญหา
· วิธีการในการคิดสร้างทางเลือกเพื่อตอบโจทย์ประเด็นสำคัญ
· เครื่องมือที่ใช้สำหรับการระพลังความคิดเพื่อสร้างทางเลือก
· ฝึกปฏิบัติการระพลังความคิดเพื่อสร้างทางเลือก
4. Prototypeต้นแบบหรือเครื่องมือที่ใช้ในการแก้ปัญหา
· วิธีการในการในการสร้างแบบจำลองต้นแบบ
· คุณลักษณะของแบบจำลองต้นแบบชนิดต่าง ๆ
· ฝึกปฏิบัติการสร้างแบบจำลองต้นแบบ
5. Testคือ ขั้นตอนใช้จริงๆ เพื่อทดสอบการใช้งานของสินค้าโดย ผู้บริโภคได้ใช้กันจริงๆ
· วิธีการในการทดสอบแบจำลองต้นแบบ
· เครื่องมือในการทดสอบแบบจำลองต้นแบบ
· ฝึกปฏิบัติทดสอบแบบจำลองต้นแบบ
Module4: การประยุกต์ใช้การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking)กับการทำงาน
· การมององค์รวม (Holistic view)ในการทำงาน
· คิดอย่าง "เข้าใจ" ปัญหาอย่างแท้จริงที่เกิดขึ้นในการทำงาน
· คิดแบบ "ไม่มีกรอบ" ในการแก้ปัญหาของการทำงาน โดยใช้วิธีของIdeate (Idea + create)หรือการbrainstorming
· คิดเร็ว ทำเร็ว เพื่อแก้ปัญหาของงานที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที
· ทดลองสร้างต้นแบบ (Prototype)หรือแนวทางในการแก้ปัญหาที่ร่วมกันคิดมาแล้ว โดยยึดหลักทดลองหลายๆ ครั้ง ล้มเหลวบ่อยๆ ล้มเหลวให้เร็ว เพื่อจะได้รีบเรียนรู้ความผิดพลาด
o Fail Cheapเพื่อให้ความผิดพลาดนั้นมีราคาถูก
o Fail Fastเพื่อให้ความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นเร็วแต่เนิ่นๆ
o Fail forwardเพื่อให้ความผิดพลาดเป็นบทเรียนในการก้าวต่อไป
· นำต้นแบบ (Prototype)หรือ แนวทางในการแก้ปัญหาที่ร่วมกันคิดมาแล้ว มาทดสอบ (Test)ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจริงของการทำงาน
ระยะเวลาการฝึกอบรม (Time) หลักสูตรONLINE3 ชั่วโมง เวลา 13.00 - 16.00 น.
รูปแบบการอบรม (Methodology)
1. Zoom Online Meetingบรรยาย พร้อมยกตัวอย่างกรณีศึกษา สนทนาและตอบข้อซักถาม
2. เอกสารประกอบการบรรยายจะจัดส่งเป็นไฟล์PDFให้ก่อนวันอบรม 2-3 วัน
อาจารย์อนุภาพ พันชำนาญ
กำหนดการ วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม 2566
สถานที่ Zoom Online Meeting
ราคา 1,500 บาท
-ราคายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
-นิติบุคคล สามารถหักภาษี ณ ที่จ่าย 3%
รายละเอียดเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่
บริษัท เคเอ็นซี เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด
เลขที่ 98/83 หมู่ที่ 4ตำบลบึงยี่โถ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี12130
[email protected]อาจารย์อนุภาพ พันชำนาญ