On-Site Training : การวางแผนตรวจสอบภาษีแพทย์ โรงพยาบาล และคลีนิค

21 กุมภาพันธ์ 2567

ในการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax)ตามประมวลรัษฎากร กรมสรรพากรได้แบ่งประเภทของเงินได้พึงประเมินออกเป็น 8 ประเภท ซึ่งแต่ละประเภทนั้นเสียภาษีไม่เท่ากัน เพราะมีที่มาของต้นทุนเพื่อการทำงานที่แตกต่างกัน อาทิ เงินได้จากการจ้างแรงงาน (มนุษย์เงินเดือน) การจ้างบริการทั่วไป การจ้างบริการวิชาชีพอิสระหรือวิชาชีพอื่นๆ การจ้างที่เป็นรับเหมาหรือธุรกิจการให้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการปรับปรุงประมวลรัษฎากรล่าสุดเพื่อให้มีการขยายฐานภาษีและจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ได้เพิ่มมากขึ้น กรมสรรพากรได้มีการปรับลดอัตรา "เหมาจ่าย" (Lumpsum)ซึ่งเป็นต้นทุนของเงินได้พึงประเมินบางประเภทลง อาทิ สถานพยาบาลที่เป็นโพลีคลินิกจากเดิมอัตราเหมาจ่ายร้อยละ 75 มาเหลือเป็นร้อยละ 60 แต่อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระที่เป็น "แพทย์" ที่เรียกว่า ผู้ประกอบโรคศิลปะ (Art of healing)นั้น กลับไม่ได้รับผลกระทบ ก็ยังคงหักค่าใช้จ่ายในอัตราเหมาได้อัตราร้อยละ 60 เช่นเดิม ด้วยเหตุนี้ "แพทย์" จึงเป็นผู้ถูกเพ่งเล็งในการตรวจสอบจากกรมสรรพากรมากที่สุด ในการทำสัญญาว่าจ้างระหว่างโรงพยาบาลกับแพทย์นั้นถูกต้องในคำว่า "ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ" หรือไม่ อย่างไร ทั้งนี้ทั้งนั้น ได้มีการฟ้องร้อยกันหลายคดีและศาลฎีกาได้มีคำตัดสินให้คนไข้เป็นฝ่ายชนะ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างโรงพยาบาลกับแพทย์ดังกล่าว ถือเป็นนายจ้างกับลูกจ้างไม่ใช่แพทย์เป็นผู้มาเช่าหรือใช้โรงพยาบาลเป็นคลินิกแต่อย่างใด ดังนั้น ผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์จะต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงความชัดเจนในการทำสัญญาให้ "แพทย์ เป็น แพทย์" ที่ถือว่าอิสระระหว่างโรงพยาบาล/คลินิก/สถานพยาบาล/หรือสถานเสริมความงาม กับแพทย์ตามบทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร ก่อนที่กรมสรรพากรจะเข้ามาทำการตรวจสอบ

 

หัวข้อการบรรยาย

1.     ความแตกต่างของเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากรที่เกี่ยวข้องกับแพทย์

-   เงินได้พึงประเมินจากการจ้างแรงงานตามมาตรา 40 (1)

-    เงินได้พึงประเมินจากการรับทำงานให้ตามมาตรา 40 (2)

-    เงินได้พึงประเมินจากวิชาชีพอิสระ ตามมาตรา 40 (6)

-     เงินได้พึงประเมินจากการประกอบธุรกิจสถานพยาบาล ตามมาตรา 40 (8)

2.    ความสัมพันธ์ของแพทย์กับโรงพยาบาลรัฐ/โรงพยาบาลเอกชน/สถานพยาบาลเสริมความงามหรือคลินิก

(1) เป็นข้าราชการประจำ และขอเปิดเป็นคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ ณ โรงพยาบาลของรัฐนั้น

(2)  เป็นข้าราชการและไปเป็นหมอพิเศษนอกเวลาราชการ ณ โรงพยาบาลเอกชนหรือสถานพยาบาลอื่น

(3) เป็นข้าราชการ และได้เปิดคลินิกของตนต่างหากนอกเวลาราชการ

(4) เป็นข้าราชการ แต่นอกเวลาราชการได้เข้าไปตรวจรักษาให้กับบริษัทเอกชนตามวัน/เวลา ที่บริษัทกำหนด/หรือไปตรวจตามบ้านของผู้ป่วยเป็นกรณีฉุกเฉิน

(5)   ไม่เป็นข้าราชการแต่เป็นลูกจ้าง/รับจ้างให้บริการ/หรือรับจ้างวิชาชีพอิสระในโรงพยาบาลเอกชน/สถานพยาบาล/หรือคลินิก

(6)  ไม่เป็นข้าราชการแต่เป็น "แพทย์ฉุกเฉิน" (On Call)ในโรงพยาบาลของรัฐ/โรงพยาบาลเอกชน/สถานพยาบาล/หรือคลินิก

3.   การวางแผนจัดรูปองค์กรทางธุรกิจเพื่อการเสียภาษีของแพทย์

4.    การวางแผนภาษีในธุรกิจของโรงพยาบาลกับการบริหารพื้นที่ส่วนกลาง

5.  การหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายและการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกี่ยวกับกิจการของโรงพยาบาล

6.  คุณธรรมจริยธรรม และจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์

 

รองศาสตราจารย์เพิ่มบุญ  แก้วเขียว

 

โรงแรมเมอเวนพิค สุขุมวิท 15 กรุงเทพฯ

 

บุคคลทั่วไป ท่านละ 4,500 บาท

สมาชิก / โอนเงินก่อน 1 สัปดาห์ ท่านละ 4,300 บาท

ลงทะเบียน 3 ท่านขึ้นไป ท่านละ 4,000 บาท

**ราคายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%**

 

รายละเอียดเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่

 

ลงทะเบียนOnline คลิ๊ก !!


บริษัท เคเอ็นซี เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด

เลขที่ 98/83 หมู่ที่ 4ตำบลบึงยี่โถ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี12130

www.knctrainingcenter.com

[email protected]
โทร. :02-157-9083,062-315-5283

วิทยากร

รองศาสตราจารย์เพิ่มบุญ แก้วเขียว



สถานที่อบรม (VENUE)

โรงแรมเมอเวนพิค สุขุมวิท 15 กรุงเทพฯ

วันและเวลาอบรม (DATE AND TIME)

21 กุมภาพันธ์ 2567 09.00 - 16.00 น.

จัดโดย

บริษัท เคเอ็นซี เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด
เบอร์ติดต่อ : 062-3155283, 02-1579083

ค่าธรรมเนียม (FEE)

4500 (ไม่รวม ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)

ผู้เข้าชม: 129 ครั้ง