หลักการและเหตุผล
ท่านเคยตั้งข้อสังเกตบ้างหรือไม่ว่า การลาออกของพนักงานในทุกระดับเป็นระยะๆเกิดจากเหตุผลใดบ้างหรือแม้กระทั่งการรายงานเรื่องเครื่องจักร break down หรือจำนวนของเสียที่ไม่มีท่าทีจะลดลง พวกเราในฐานะผู้บริหารได้ทำการแก้ไขและปิดรูรั่วนั้นๆอย่างไรหรือแค่ฟังการรายงานในแต่ละวัน ถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและให้ทำ8D reportและนั่งมองดูว่าเป็นหน้าที่ของแต่ละฝ่ายที่ต้องดำเนินการแก้ไข หากแก้ไขไม่ได้ก็หาคนใหม่เข้ามาแทน ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาแบบกำปั้นทุบดินอย่างที่เรารู้จักกัน การลงไปพูดคุยกับพนักงานอย่างสม่ำเสมอ พอจะทำให้เรามีข้อมูลทั้งทางด้านการทำงานที่ติดขัดของพนักงานตลอดจนสัมผัสกับสภาพความเป็นอยู่ที่แท้จริง ซึ่งแตกต่างจากการทำงานบนหอคอยงาช้างของทุกท่านที่มักจะชอบนั่งเทียนและรายงานให้ทันในที่ประชุมว่ามันน่าจะอย่างนั้น อย่างนี้ ซึ่งไม่ใช่fact หรือความจริงทั้งหมด รู้อย่างนี้แล้วหากท่านเป็นเบอร์หนึ่งของหน่วยงานหรือขององค์กร ท่านจะทำอย่างไรก่อนและหลัง น่าคิดใช่ไหมครับ
ภาวะผู้นำ มีความสำคัญต่อการปรับกระบวนการทำงาน เพื่อให้บรรลุประสิทธิผล ขององค์กรแล้ว ผู้บริหารยังต้องให้ความสนใจต่อบุคลากรในองค์กรด้วย ภาวะผู้นำนั้นถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้นำในการที่จะนำพา องค์กรให้ประสบความสำเร็จได้ ผู้บริหารต้องเป็นผู้นำในการบริหารจัดการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นหน้าที่ของผู้นำที่จะต้องให้ความมั่นใจ เพื่อการยอมรับ ของคนในองค์กร อันจะนำไปสู่ความไม่ไว้วางใจระหว่างกัน ผู้นำจะต้องมุ่งเน้นเรื่องของการสื่อความ ให้มีความชัดเจน และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การสื่อความที่ดีนั้นถือว่าเป็นรากฐานที่สำคัญยิ่งในการสร้างพันธะสัญญา (commitment) และทำให้เกิดความร่วมมือร่วมใจกัน (cooperation) ในที่สุด ในการบริหารองค์กรของผู้บริหารย่อมต้องเผชิญความรุนแรง และความรวดเร็วทั้งกระแสของการแข่งขัน และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ดังนั้น จึงต้องอาศัยศักยภาพของตนเอง และของทีมงานร่วมกัน รวมถึงความมีระบบที่ต้องดำเนินไป ให้เกิดสิ่งที่ถูกต้องตลอดเวลา ความสำเร็จจึงจะเกิดขึ้นได้ โดยระบบที่ถูกต้องของแต่ละองค์กรนั้น ก็จะอยู่บนพื้นฐานของวิสัยทัศน์ (vision) คือ ต้องการจะเป็นอะไร และตั้งอยู่บนพื้นฐานของค่านิยม (value) คือ จะไปให้ถึงจุดนั้นโดยยึดอะไรเป็นหลัก ซึ่งถือว่าองค์ประกอบเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดทิศทางหรือเป้าหมายขององค์กร การมีเป้าหมายขององค์กรที่ชัดเจนตั้งแต่แรก จะสามารถประเมินผลได้ว่าผลในการดำเนินงานนั้นบรรลุประสิทธิผล (effectiveness) หรือไม่ ซึ่งเป็นกรอบความคิดใหม่ในการประเมินผลที่ผู้บริหารต้องคำนึงถึงมากกว่าที่จะมุ่งแต่ประสิทธิภาพ (efficiency) เป็นหลักอย่างเดียว ซึ่งหมายถึง ความสามารถในการสร้างผลผลิตโดยใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด ใช้เวลาน้อยที่สุด ซึ่งจะเป็นการเปรียบเทียบสิ่งที่ได้ (output) กับปัจจัยนำเข้า (input) เป็นหลัก แต่ส่วนคำว่าประสิทธิผลนั้นจะมองเน้นไปที่ว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่
ผู้นำ นอกจากจะต้องตระหนักถึงเป้าหมายขององค์กรแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญต่อการปรับกระบวนการทำงาน และการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในองค์กรด้วย ภาวะผู้นำ นั้นถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้บริหารในการที่จะนำองค์กรให้ประสบความสำเร็จได้ ดังนั้น ผู้บริหารต้องเป็นผู้นำในการบริหารจัดการ เพื่อการยอมรับของคนในองค์กร และของผู้ใช้บริการ ผู้นำจึงต้องมุ่งเน้นเรื่องการสื่อสารให้ชัดเจน และต้องอาศัยศักยภาพของตนเอง และของทีมงานร่วมกัน โดยคำนึงการจัดระบบโครงสร้างในองค์กร ที่สำคัญ คือ การมีวิสัยทัศน์ของผู้บริหารในการกำหนดทิศทาง และเป้าหมายขององค์กร การมีเป้าหมายที่ชัดเจนขององค์กรตั้งแต่แรกก็จะสามารถประเมินผลสำเร็จขององค์กรได้ นั่นหมายถึง การมีความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ ในเรื่องของการบริการ และคุณภาพ
หลักสูตรนี้ได้น้อมนำหลักการทรงงานของในหลวงมาประกอบการเรียนรู้ เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงการทำงานของเราให้มีทิศทางที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเน้นการพัฒนาคนเป็นตัวตั้ง และยึดหลักผลประโยชน์ของพนักงานตลอดจนภูมิสังคม ที่คำนึงถึงความแตกต่างในแต่ละพื้นที่และการพึ่งพาตนเอง โดยรู้จักประมาณตนและดำเนินการด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังและทำตามลำดับขั้น อย่างบูรณาการซึ่งต้องอาศัย ความ"เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา"และการ "รู้ รัก สามัคคี "
วัตถุประสงค์ เพื่อให้หัวหน้างานจนถึงผู้บริหาร
1. สามารถอธิบายและตระหนักได้ว่า วิสัยทัศน์ ค่านิยมองค์กร ก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อองค์กรอย่างไร
2. นำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้นำที่พนักงานกด like
3. น้อมนำหลักการทรงงานของในหลวงมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. หัวหน้างานและผู้บริหารทุกระดับเข้าใจบทบาทและหน้าที่ของตนเองโดยให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาอย่างเต็มใจและทันเวลา
2. บรรยากาศในการทำงานเป็นทีมของหัวหน้างานและผู้บริหารเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
3. มีทัศนะคติในเชิงบวกต่อการฝึกอบรมและพัฒนาตนเอง
เนื้อหาการอบรม
1. ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำและผู้ตาม ในการพัฒนาองค์กรให้เป็นHigh Performance Organization
2. การพัฒนาภาวะผู้นำ (Leadership Development)
2.1สมรรถนะที่จำเป็นของผู้นำ (Be proactive, Begin with the end in mind)
2.2การบริหารเวลา (Put first thing first : Time Management)
3. แรงจูงใจภายในของพนักงาน (Seek first to understand then to be understood)
4. การบริหารและทำงานร่วมกับ ผู้ตาม แบบต่างๆ(Think win-win)
5. ผู้นำที่มีประสิทธิภาพกับการทำงานเป็นทีม(The Synergy)
6. การพัฒนาตนเอง4มิติ(Sharpen the saw)
เวลาในการอบรม: 1วัน: 6ชั่วโมง(09.00 - 16.00)
กลุ่มเป้าหมาย : หัวหน้างาน - ผู้บริหารทุกระดับ
วิธีการฝึกอบรม :Lecture 20%, Workshop & Discussion 70%, Q&A 10%
วิทยากร : ว่าที่ร้อยตรี ธานี ชาวสวน